ต้นธันวาคมที่ผ่านมาเพิ่งพาแม่ไปญี่ปุ่น โดยครั้งนี้พักที่เกียวโต 5 วัน และโอซาก้า 2 วัน คราวนี้เลยได้โอกาสมารีวิวโรงแรมกันอีกครั้ง!
เงื่อนไขตอนหาที่พัก: จะต้องเป็นห้องแบบญี่ปุ่น มีพื้นที่วางข้าวของหน่อย (ไปกัน 3 คน) ไม่ไกลจากสถานีมาก และเดินทางสะดวก ใกล้แหล่งท่องเที่ยวในเมือง
หลังจากใช้เวลาไป 2,800 ชั่วโมง (เวอร์มาก 55) ก็ตกลงเลือกจอง IMU HOTEL KYOTO ที่เป็นโรงแรมใหม่ สร้างได้ไม่นาน และอยู่ไม่ไกลจากสถานี และแหล่งท่องเที่ยวมากนัก
โรงแรม: IMU HOTEL KYOTO (คลิก เช็คราคา)
สถานี (ใกล้สุด): Shijo (รถไฟใต้ดินเกียวโตสาย Karasuma Line) / Karasuma (Hankyu Line) Exit 4 (มีลิฟต์) และ Exit 6 (บันได)
*สถานีเชื่อมกันเลยระหว่างใต้ดินเกียวโตสาย Karasuma กับ Hankyu Line (ที่นั่งไปโอซาก้าได้)
ประเภทห้องพัก: มีทั้งห้องปกติสำหรับ 2 และ 3 คน ส่วนห้อง 4 คนจะเป็นห้องแบบญี่ปุ่น (นอนฟูก futon)
นี่คือหน้าตาโรงแรม ดูเหมือนบรรยากาศคาเฟ่ ร้านกาแฟชิลๆ ซึ่งดีมากๆ ด้านในก็แต่งสไตล์มินิมอล ไม้ๆ ขาวๆ ปูนๆ หน่อย เดี๋ยวจะพาไปดูบรรยากาศด้านใน และห้องพักก่อน (วิธีเดินทางขอยกไปไว้ท้ายรีวิวนะจ๊ะ)
บริเวณ Lobby
เข้าไปก็ว้าวววว ชอบการตกแต่งบริเวณที่นั่ง และ lobby ของรร.มาก มันดูมุ้งมิ้ง ดูเหมาะกับช่วง Christmas ปีใหม่มาก บริเวณโต๊ะนั่งนี้สามารถนั่งได้ตามสบาย ช่วงเช้าก็จะไว้นั่งทานอาหารได้ และวันไหนที่รร.มีจัดกิจกรรมให้แขก เช่นทำการ์ดปีใหม่ เขียนพู่กัน ก็จะมีโต๊ะใหญ่ๆ ตรงกลางไว้ให้นั่งคุยกัน พร้อมทำกิจกรรมไปด้วย
ตอนเราไปถึง ยังไม่ถึงเวลา check-in ก็ฝากกระเป๋ากันไว้ก่อน พร้อมรับกุญแจมา พนักงานคนแรกที่เจอภาษาอังกฤษดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ทักทาย เป็นมิตรมากๆ (เราจ่ายผ่าน expedia ล่วงหน้าไปแล้ว แต่ส่วนภาษีการเข้าพัก ที่เป็นกฎของญี่ปุ่น ต้องจ่ายตอน check-in อีกที)
ติดกับโซนฝากกระเป๋า ก็จะมีพื้นที่นั่งเล่น พร้อมเครื่อง Nintendo Switch ไว้ให้เล่นได้เลย (มีแปะป้ายด้วยว่าเวลา 2 ทุ่ม แขกสามารถมาวัดความแกร่ง เล่นเกมกับ staff ได้นะจ๊ะ) บางวันก็เห็นกลุ่มชาวต่างชาติที่มาพัก มีเด็กๆ มาด้วย นั่งเล่นเกมกันสนุกสนาน
มีมุมบริการน้ำดื่ม (เย็น) ฟรี พร้อมชา กาแฟ สามารถกดได้เลยตรงนี้
ส่วนพวกมีดโกน ใยขัดตัว เซ็ทหวี เชือกมัดผม คอตตอนบัด สำลี สามารถมาหยิบจากตรงนี้ได้เลย (ในห้องพักจะมีเตรียมไว้แต่พวกแปรงสีฟัน)
ห้องพัก (สำหรับ 4 คน)
ห้องถือว่ากว้างสำหรับมาตรฐานรร.ญี่ปุ่น ในห้องพักเตรียมฟูกไว้ให้ 4 ที่เลย อีกฝั่งนึงจะเป็นทีวี กับประตูเลื่อนเข้าไปส่วนของห้องน้ำ ประตูนี่ดี คือแบบเลื่อนแล้วมันจะไม่ปึ้งปั้ง ปิดแบบนิ่มนวล ส่วนโซนกำแพงสีแดงๆ ก็จะเป็นชั้นไม้ ไว้สำหรับให้วางของได้
อันนี้ถ่ายตอนเช้าและ ให้เห็นชัดๆ อีกภาพ ห้องแอบตินิดนึงคือ “ไฟ” เป็นไฟเหลือง แล้วไม่ค่อยสว่าง ตอนกลางคืนนี่จะออกมืดเลย ทำให้ถ่ายรูปยากหน่อย และถ้าจะอ่านหนังสือก็ปวดตาแน่ๆ
ห้องน้ำสะอาดดี แบ่งเป็นสัดส่วน คือเปิดประตูเข้าไป ตรงกลางจะเจออ่างล่างหน้าก่อน (เอ้อ เค้าเอาตู้เย็นไปวางใต้อ่างล้างหน้านะ แปลกๆ หน่อยแต่ก็เอาเถอะ) อุปกรณ์มีผ้าเช็ดตัว เช็ดผม ไดร์เป่าผม แก้วน้ำ แปรงสีฟันพร้อมยา สบู่ล้างมือ
พอหันซ้าย จะเป็นห้องน้ำ แคบหน่อยแต่สะอาดดี ส่วนทางขวาเป็นห้องอาบน้ำแบบยืน มียาสระผม ครีมนวด และสบู่อาบน้ำพร้อม (ค่อนข้างแคบ เพราะงั้นอย่าเอาผ้าเช็ดตัวไปแขวนในห้องน้ำเลย เปียกหมด)
ใครมองหาตู้เสื้อผ้า อยู่ติดทางเข้าห้องเลย เป็น open-air ไม่มีประตูปิดนะ แขวนๆ ไว้ได้เลย
สรุป (ห้องพัก)
- สะอาด กว้างกว่ามาตรฐานรร.ญี่ปุ่นมั่วไป ฟูกนุ่ม ผ้านวมห่มอุ่นดี
- ไฟมืดไปนิด ตอนกลางคืนจะลำบากหน่อย
- *แอร์* วันแรกเปิดออกมาเป็นฮีทเตอร์ ปรับไม่ได้ พอโทรแจ้งเค้าก็ปรับเป็นแอร์ปกติให้ แต่พออีกวันกลับมาเป็นฮีทเตอร์อีก ได้เรื่องว่าเวลาปรับที จะเป็นการปรับทั้ง floor? ปรับแยกห้องไม่ได้ (ใช่เหรอ?) คือแบบถ้าฮีทเตอร์นี่วันแรกห้องอุณภูมิ 31 องศาเลยเว้ยยย นอนไม่ได้ จนคุยไปคุยมา สุดท้ายวันที่เหลือ เค้ายอมให้เราเปิดหน้าต่าง เอาอากาศเย็นๆ จากข้างนอกเข้ามาแทน (สรุปคือระหว่างพัก ไม่ได้เปิดแอร์เลย เปิดหน้าต่างแทน เพราะแอร์เป็นโหมดฮีทเตอร์ตลอด)
- อุปกรณ์ในห้องพักให้มาพร้อมดี
- ที่เสียบปลั๊กจะมีตรงมุมห้อง 2 จุด และในห้องน้ำตรงอ่างล่างหน้าอีกจุด
- ทำความสะอาดให้ทุกวัน เข้าห้องมาเหมือนใหม่ตลอด
อาหารเช้า
ในรร. จะมีอาหารเช้าให้บริการ (เสียเงิน) โดยจะเป็น set ให้เลือก และให้บริการตั้งแต่ 7:00-10:00
หน้าตาอาจจะไม่ตรงปกเท่าไร แต่ก็อร่อยใช้ได้เลย อ่อ ถ้าใครสั่งเซ็ทที่มีขนมปังปิ้ง เค้าจะให้เราปิ้งเองนะ ส่วนใครสั่งเซ็ทข้าว ก็รอมารับตรงนี้ได้เลย
ขนมปังจะมีให้แยมส้ม กับอีกอันที่อร่อยมาก ลองไปถาม เค้าว่าเป็นยูสุ ผสมมะเดื่อ แล้วมีพริกไทยดำด้วยมั้ง (งงๆ ใส่ได้ด้วยเรอะ! 55 แต่มันอร่อยยย)
ชอบตรงแต่ละจุด มีวาดรูปกำกับไว้ด้วย (อันนี้บอกให้ปิ้ง 2 นาทีพอ)
ช้อนส้อม ตะเกียบ มีด สามารถหยิบได้ตรงนี้เลย ส่วนน้ำสลัดก็บีบได้เลยจ้า
มุมเครื่องดื่มมีให้ทั้งชา กาแฟ และน้ำต่างๆ สามารถเอาแก้วเติมได้เรื่อยๆ กินเสร็จแล้วก็ยกถาดไปเก็บที่จุดคืนภาชนะได้เลย
การเดินทาง
มาดูวิธีการเดินทางมารร.กันบ้าง บอกก่อนว่าไม่ได้ออกจากสถานีแล้วเจอเลยนะ ต้องเดินเข้าซอยมาหน่อย (ประมาณ 2 block) ลองดูแผนที่ด้านล่าง
ตรงจุดแดงๆคือทางออกจากสถานี Shijo (Exit 6) เดินเข้าซอยที่ปากซอยมีร้านขนมปัง London ตรงมายาวๆ ประมาณ 2 block แล้วเลี้ยวซ้ายก็จะเจอรร.เลย (เลข 1 คือร้านขนมปัง และมี Family Mart ด้วย) ส่วนเลข 2 เป็น Family Mart กลางซอย (ไม่อดตายจ้า)
หน้าตา Exit 6 ของสถานี Shijo (Karasuma Line) ตอนแรกไม่รู้ หอบกระเป๋าเดินทางกันขึ้นบันไดมาเนี่ยแหละ 555 จนวันถัดๆ ไปถึงจะอ๋ออออ เดินไปอีกนิดมี Exit 4 ที่มีลิฟต์จ้าาา (ถือว่าบอกแล้ว อย่าซ้ำรอยเรานะ)
ขึ้นมาจะเจอ Tsukaki Square แสดงว่าถูกทางแล้ว เดินไปอีกนิดก็เลี้ยวขวาเข้าซอยได้เลย (ตึกนี้มีร้านอาหารอยู่ด้วยนะ แต่ส่องราคาแล้วแอบโหดนิด อย่างชั้นสองนั่นเป็นบุฟเฟ่ต์ Kagonoya ที่ไทยก็มีน่ะ)
ถ้าเดินไปอีกฝั่ง ข้างๆ กันจะมี Karasuma Kyoto Hotel ที่มี Starbucks อยู่ด้วย (รร.ดูหรูหรามาก อันนี้ก็น่าสน แต่น่าจะแพงกว่าเยอะ) เดินถัดไปอีกนิดก็จะถึง Exit 4 ที่มีลิฟต์
กลับมาที่ซอยเข้ารร.ของเรา หน้าตาแบบนี้เลี้ยวขวาโลด *เวลาเดินในซอยระวังรถด้วยเด้อ เพราะซอยแคบๆ ก็จริง แต่รถเยอะ ทั้งใหญ่เล็ก แถมขับกันเร็วด้วย มองซ้ายขวา สัญญาณไฟกันให้ดี
เดินตรงไปเรื่อยๆ เลย จนกว่าจะเจอซ้ายมือร้านทำผม และขวามือตู้สีชมพูแบบนี้ เจอปั๊บ เลี้ยวซ้ายก็จะถึงรร. แล้วจ้า
สรุปภาพรวม IMU HOTEL KYOTO
- พัก 5 คืน (ช่วงธ.ค. 3-7) ราคา 16,690 บาท (ตกคืนละ 3,338 บาท สำหรับห้องญี่ปุ่น = พัก 3 คน)
- ระยะเดินจากสถานีถือว่าไม่ไกลมาก แต่ถ้าลากกระเป๋าหนักๆ ไปด้วยก็เหนื่อยนิด (แม่เราเดินไหว ก็แสดงว่าผ่าน)
- สถานีที่ใกล้สุดคือ Shijo ซึ่งมี 2 สายที่มาตัดกันตรงนี้คือ Subway Karasuma และ Hankyu
- บรรยากาศรร.ดี พนักงานเป็นมิตร ภาษาอังกฤษได้ ห้องพักสะอาด มีอุปกรณ์ครบ อาหารเช้าโอเค
- หักคะแนนไฟในห้องที่มืดไปหน่อย และแอร์ที่ไม่สามารถปรับโหมดเองได้
- จากสถานี Shijo เดินทางไปโอซาก้าต่อสะดวก (เรานั่งต่อเดียวยาวๆ ไปถึงสถานี Ebisucho ในโอซาก้าได้เลย) *ดูวิธีเดินทางด้านล่างจ้า
ถ้ามีโอกาสคราวหน้าก็คงไปพักอีกนะ สำหรับ IMU HOTEL KYOTO 🙂
สถานที่ใกล้เคียง
เกริ่นไปตอนแรกว่ามันใกล้กับตลาด Nishiki (ตลาดขายอาหาร ของสด ขนม และของฝากต่างๆ) และ Teramachi Shopping Street กับ Shinkyogoku Shopping Street (ถนนสายช๊อปที่ดังสุดในเกียวโต) เอาจริงๆ คือเดินจากสถานี Shijo ไปเรื่อยๆ ก็ถึงเลย ไม่ต้องต่อรถ เพราะว่าพอลงสถานี ทางเดินจะเชื่อมกับสาย Hankyu แล้วก็เดินไปได้ยาวๆ เกือบถึง Gion นู่นเลย (ถ้าเดินไหวนะ 55)
Nishiki Market
ดูจากแมพแล้ว สถานีใกล้รร.เราคือ Shijo ซึ่งทางเดินเชื่อมกับ Karasuma (Hankyu) เพราะงั้นเลยเดินเชื่อมไปถึงตลาด Nishiki ได้ โดยทางออกที่ใกล้สุดคือ Exit 16 ของสถานี Karasuma (Hankyu)
ส่วน Teremachi และ Shinkyogoku Shopping Street นั้น ต้องเดินต่อไปอีก โดยทางออกที่ใกล้สุดคือ Exit 9 ของสถานี Kawaramachi (Hankyu) โดยถนน shopping ทั้งสองเส้นจะคู่ขนานกันไป อารมณ์คล้ายๆ Shinsaibashi ของโอซาก้า แต่ว่าไม่พลุ่กพล่านเท่า
แถม 1 (รีวิวขนมปัง London หน้าซอย)
ขนมปังแกงกะหรี่อร่อยดี มีพวกแซนด์วิชขายด้วย (ได้ลองขนมปังยากิโซบะไข่ดาวด้วย เออ อร่อยเว้ยย!) ตอนเช้าพอออกจากรร. ก็แวะซื้อขนมปังกินกัน แล้วค่อยเที่ยวต่อ (ได้กินอาหารเช้าที่รร. ก็วันสุดท้ายก่อนไปโอซาก้านั่นล่ะ 55)
แถม 2 (วิธีต่อรถไปโอซาก้า จากสถานี Shijo)
จากการหาเส้นทางใน hyperdia พบว่าวิธีนี้ง่ายสุด เพราะคิดไว้แล้วว่ากระเป๋าต้องหนักกว่าเดิม แถมแม่มาด้วย ต้องไม่เดิน หรือเปลี่ยนสายเยอะวุ่นวาย
จากสถานี Shijo (ที่ใกล้รร.ที่สุดนั่นแหละ) ให้นั่งสาย Hankyu Kyoto Line แบบ Semi-Express for Tengachaya แค่นี้ก็ไปถึงสถานี Ebisucho (Sakaisuji Line) ในโอซาก้าเลย เฮ้!
เพราะรถ Hankyu ที่นั่งจากเกียวโตไป Tengachaya จะใช้ขบวนเดิมเลย ลากยากกลายเป็น Subway Sakaisuji Line ของโอซาก้าด้วยนั่นเอง! *ใครที่พักในโอซาก้าใกล้สถานีอื่นที่ไม่ใส่สาย Sakaisuji อาจจะต้องหาทางอื่น หรือต่อรถเอานะ ถือว่าเป็นโชคดีที่เราจองรร.ในโอซาก้าไว้ ใกล้สาย Sakaisuji พอดี
จบแล้วจ้าสำหรับการรีวิวรร.ในทริปนี้ จริงๆ ยังมีอีกรร.ในโอซาก้านะ (Hotel Amaterrace Yosuga) ไว้จะมารีวิวในโพสต์ต่อไปจ้าาา 🙂
ป.ล. ใครมีคำถาม ยินดีช่วยตอบนะ (ถ้าตอบได้ 55) เข้าไปสอบถามได้ทางเพจ บันทึกโคอาล่า ได้เลย
